วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

บทเสภาใช้ขับในงานฌาปณกิจศพ

จากการที่ได้ช่วยชุมชนตลอดทั้งญาติพี่น้องที่สูญเสียบุคคลที่รักโดยเป็นผู้ขับเสภาในงานศพนั้น บางครั้งก็แต่งกลอนเอง บางครั้งก็ได้รับความอนุเคราะห์จากคุณครูบัวเพียง จันทร์หอม เป็นผู้ประพันธ์ให้ ขับเสภาเสร็จแล้วก็ไม่ได้เก็บ สูญหายไปก็มาก รวบรวมไว้ได้ไม่มากนัก คงเป็นประโยชน์ให้กับผู้ที่สนใจได้

อาลัย คุณพ่อสมัย แผ่นทอง

ยี่สิบแปด//มกรา//ปีห้าสาม ล่วงสองยาม//พ่อลับ//ดับสังขาร์

พ่อได้จาก//ลูกไป//ไม่กลับมา โอ้พ่อจ๋า//ลูกสุดคิด//จะติดตาม

ได้สัมผัส//ตัวพ่อ//ก็เพียงร่าง น้ำตาหลั่ง//ด้วยพันผูก//ใจลูกหวาม

เคยรับใช้//ใกล้ชิด//เคยติดตาม ทุก ๆ ยาม//มีพ่อ//ไม่ท้อใจ

แม้อดหลับ//อดนอน//พักผ่อนน้อย แม้ต้องคอย//ดูแล//มากแค่ไหน

แม้ต้องหยุด//ลางาน//มาดูใจ ก็แทนคุณ//พ่อได้//ไม่เคยพอ

ให้ชีวิต//และเกื้อหนุน//พระคุณล้ำ พ่อป้อนน้ำ//ป้อนข้าว//เท่าไหร่หนอ

ยามลูกเจ็บ//ลูกเศร้า//พะเน้าพะนอ// พระคุณพ่อ//ยิ่งใหญ่//หาใครแทน

วันพ่อจาก//ลูกไป//ทุกข์ใหญ่หลวง เจ็บปวดร้าว//ในทรวง//เศร้าหวงแหน

ทุกข์นี้ทุกข์//กว่าทุกข์ใด//ในดินแดน ลูกคับแค้น//ร้าวราน//ปานสิ้นลม

หวังให้พ่อ//ลูกตื่น//ฟื้นชีวิต หวังใกล้ชิด//อีกครา//น่าสุขสม

หวังว่าพ่อ//ยิ้มให้//ได้ชื่นชม หวังลมลม//สะอื้น//ขื่นอุรา

หลับเถิดพ่อ//เหนื่อยพอแล้ว//ดวงแก้วลูก ได้พ้นทุกข์//ทรมาน//การรักษา

ผ่านปีเดือน//นอนเจ็บ//เก็บน้ำตา ขอบุญญา//ที่เคยทำ//ชี้นำทาง

ไปสวรรค์//ยังภพใหม่//ในชั้นฟ้า อย่าได้มา//กังวล//คนข้างหลัง

สูดินแดน//สุขาวดี//มีพลัง ไร้ทุกข์ขัง//สั่งสมสุข//ตลอดกาล

นางสาวบุณฑริกา กระแสเทพ ครูชำนาญการ โรงเรียนบ้านว่าน ผู้ประพันธ์และขับเสภา

อาลัย คุณพ่อสมัย แผ่นทอง

พ่อสมัยให้กำเนิดเกิดชีวิต ท่านอุทิศสั่งสอนลูกผูกนิสัย

คอยชี้นำแนวทางไม่ห่างไกล เฝ้าห่วงใยรักลูกทุกเวลา

เพียงเพื่อลูกได้มีชีวิตรอด พ่อโอบกอดอดกลั้นสู้ปัญหา

ขอลูกรักบังเกิดเลิศปัญญา พ่ออุตส่าห์ฝ่าฟันไม่หวั่นใด

กำลังใจจากใคร ๆ ไม่เหมือนพ่อ เรี่ยวแรงหมดทดท้อพ่อเติมให้

รักจากพ่อเกิดด้วยแสงของแรงใจ รักของพ่อช่วยป้องภัยไม่แผ้วพาน

พระคุณของพ่อนี้มีใดเปรียบ เกินฟ้าเทียบเทียมสมุทรสุดไพศาล

พระคุณพ่อลูกซาบซึ้งตรึงดวงมาลย์ ขอพบพานเป็นลูกทุกชาติไป

ประนมมือกราบแนบแทบเท้าพ่อ ลูกจักขออโหสิกรรมทำบุญให้

ขอวิญญาณพ่อสู่สวรรค์อันอำไพ หมดห่วงใยด้วยผลบุญหนุนนำเทอญ

นางสาวบุณฑริกา กระแสเทพ ครูชำนาญการ โรงเรียนบ้านว่าน ผู้ประพันธ์และขับเสภา

ขอกราบไหว้บูชาพระคุณแม่
คุณเลิศแท้หาสิ่งใดไหนจักเหมือน
ยามลูกผิดคุณแม่นั้นคอยเฝ้าเตือน
ยามแชเชือนคุณแม่เราเฝ้าปลอบใจ
ยามลูกทุกข์แม่พลอยทุกข์เหมือนกับลูก
จิตแม่ผูกอยู่กับลูกไม่เหือดหาย
แม้นชีวิตของลูกนั้นพลันมลาย
จนวันตายจะไม่ขอลืมพระคุณ
บุญอันใดลูกสร้างมาแต่ปางก่อน
จงสะท้อนถึงพ่อแม่ผู้เกื้อหนุน
เฝ้ากล่อมเกลี้ยงเลี้ยงลูกมาด้วยการุณย์
โอ้พระคุณแสนล้ำเลิศประเสริฐเอย




วิญญาณแม่อยู่ที่ใดในใต้หล้า
สุดขอบฟ้าสิ่งสถิตอยู่ทิศไหน
ขอให้แม่มีสุขพ้นทุกข์ภัย
สู่สวรรค์ครรลัยสบายอุรา
เกิดชาติหน้าฉันใดดั่งใจหมาย
ขอให้ได้พบกันดั่งฝันหา
เป็นแม่ลูกกันอีกดั่งเจตนา
จงอย่ามาด่วนจากพรากกันเลย
ในชาตินี้ลูกผิดพลาดไปแล้ว
โอ้แม่แก้วลูกอันธพาลมากจริงเอ๋ย
ยังมิได้ตอบแทนคุณของแม่เลย
ชะตาเอ๋ยชีวิตอนิจจัง
ขอให้แม่สุขสมอารมณ์หมาย
ขออย่าได้มีทุกข์ผิดพลาดหวัง
เกิดชาติไหนให้ลูกเดินตามทาง
จิตสว่างตามแม่บอกนั้นเถิดเอย

โอ้ร่มโพธิ์ใบใหญ่..ให้ร่มรื่น เคยหยัดยืนตระหง่านซ่านสาขา
แผ่กิ่งใบให้ร่มเงาเบาอุรา บัดนี้มา..ล้มครืนสุดฝืนทน

พ่อเคยอยู่..เป็นคู่คิดมิตรในบ้าน พ่อเคยต้าน..ป้องภัยลูกอยู่ทุกหน
พ่อเคยทุกข์..เพื่อความสุขลูกทุกคน พ่อเคยทน..ฝืนยิ้มปริ่มน้ำตา
พระคุณพ่อ..เหมาะสมพรหมของลูก พ่อฝังปลูกคุณธรรม..อันล้ำค่า
ใจประเสริฐใสเด่นเช่นเทวา สอนลูกยา..แต่ตอนต้นจนสิ้นใจ
ยามลูกทุกข์..พ่อทุกข์หนักเพราะรักลูก ยามลูกสุข..พ่อเปรมปรีดิ์ยินดีได้
ยามลูกเศร้า..โศกาอาดูรใจ มีพ่อได้..รองรับ..ซับน้ำตา
โอ้..พ่อจ๋าพ่อจากไปไม่หวนกลับ พ่อลาลับไกลโพ้นเกินค้นหา
ขอจดจำคุณความดีพ่อมีมา ชั่วชีวาจารึกไว้แนบในทรวง
แม้นคุณพ่อ..ไม่อยู่รับรู้เถิด พ่อประเสริฐกว่าใครยิ่งใหญ่หลวง
แม้แผ่นฟ้ามหาสมุทรสุดทั้งปวง มิอาจล่วงเลยลับนับพระคุณ
หากคุณพ่อ..เหนื่อยหนัก..นอนพักเถิด จงสุขเลิศด้วยกรรมดีที่เกื้อหนุน
หลับสนิทเถิดพ่อจ๋าอย่าว้าวุ่น ขอผลบุญนำสุขอยู่ทุกกาล
ขอตั้งจิตอภิบาท..แทบบาทพ่อ ขอไตรรัตน์เป็นฉัตรต่อก่อสุขศานต์
หากชาติหน้าฉันใดได้พบพาน ขอกราบกราน..เป็นลูกพ่อ..ต่อไปเอย

ยี่สิบสาม...กันยาฯ...ฟ้ากำสรวล
พ่อมาด่วน...ลาลับ...ดับสิ้นสูญ
ใจลูกนั้น...พลันโหยหา...ด้วยอาดูร
ยังเทิดทูน...บูชา...ด้วยอาลัย

หลายสิบปี...ที่พ่อ...ต้องต่อสู้
คอยอุ้มชู...ดูแล...ช่วยแก้ไข
พ่อลาลับ...นับแต่นี้...ไม่มีใคร
สิ้นพ่อไป...ใจลูกเศร้า...สุดร้าวราน

แม้รู้ดี...ว่าที่สุด...มนุษย์นั้น
ต้องถึงวัน...ตายดับ...ลับสังขาร
เมื่อสิ้นบุญ...สูญสิ้น...ทั้งวิญญาณ
แต่ดวงมาลย์...พ่อ.ลูก...ยังผูกพัน

ความทรงจำ...งดงาม...ยามมีพ่อ
ที่เกื้อก่อ...ปลูกสร้าง...บนทางฝัน
จะสถิต...แนบใน...ใจนิรันดร์
ทุกคืนวัน...ลูกรำลึก?ถึงพระคุณ

วอนองค์เทพ...เสพสวรรค์...เปิดม่านฟ้า
ช่วยเมตตา...รับพ่อ...ก่อเกื้อหนุน
คุณความดี...เมตตา...ช่วยการุณ
คอยเจือจุน...บนสวรรค์...นิรันดร์เทอญ


แม่ผู้สร้าง...ของลูกผูกดวงจิต
เคยแนบชิดอิงใกล้ไออบอุ่น

รักของแม่ล้ำค่าเปี่ยมการุณ
แม่ค้ำจุนคุ้มเกล้าปัดเป่าภัย
แม่...ลำบากเพียงใดแม่ไม่บ่น
สู้-อด-ทน-รัก-เลี้ยงลูกปลูกนิสัย
ซื่อสัตย์...สามัคคี...มีอภัย
สร้างวินัย...ประพฤติตนเป็นคนดี
แม่สอนให้รักชาติศาสน์กษัตริย์
เกียรติประวัติสร้างเสริมเพิ่มศักดิ์ศรี
สืบรักษาวงศ์ตระกูลพูนทวี
ลูกจึงมีอนาคตงดงามตา
แม่...คือหญิงที่ยิ่งใหญ่
ลูกภูมิใจ...รักแม่...แน่นักหนา
เป็นลุกแม่ทุกชาติอย่าคลาดคลา
น้อมบูชาดวงจิตปณิธาน
อาราธนาพระไตรรัตน์จรัสหล้า
ผลบุญแม่บำเพ็ญค่ามหาศาล
คุณความดีพร้อมพรั่งทั้งศลีทาน
เป็นสะพานสู่ฟ้าอาภาพราย
อัญเชิญเทพสถาพิมานทอง
ประทีปส่องเรืองโรจน์โชติช่วงฉาย
อัญเชิญสูรย์จันทราดาราราย
คลี่ขยายมรรคาบุญอานันต์
ร้อยรวมใจน้อมจิตอษิฐาน
เชิญวิญญาณ...แม่...สู่สรวงสวรรค์
สถิตสถานสุคติเนาว์นิรัตนน์
ถึงดับขันธ์วิญญาทิพย์...สู่นิพพาน

ขอกราบเท้าของแม่ที่แน่นิ่ง หัวใจลูกดำดิ่งจากยอดผา
กุมมือแม่แนบไว้ในอุรา ธารน้ำตาหลั่งรินแทบสิ้นใจ
ขอกอดแม่เอาไว้ในโอกาส แม้ไมอาจรับรู้ลูกอยู่ใกล้
ระลึกถึงคุณมารดาผู้ลาไกล คือพระในใจลูกอยู่ทุกคราว
มือคู่นี้ที่เลี้ยดูให้อยู่รอด เคยสวมกอดลูกไว้เมื่อไข้หนาว
ตักนี้เคยหนุนหลับเมื่อนับดาว ทั้งสองเท้านำลูกไปให้เป็นคน
ภาพที่แม่จะสิ้นลงอยู่ตรงหน้า ปราถนาจะยุดรั้งยังสับสน
จะให้แม่ไปสบายหรือทุกข์ทน เสียงทุกคนรอบข้างต่างระบาย
วันที่แม่เต็มใจให้กำเนิด แสนประเสริฐลูกได้เกิดอย่างเฉิดฉาย
แต่วันนี้ต้องเซ็นยอมให้แม่ตาย ลูกใจร้ายหรือเปล่ายังเฝ้าตรม
คิดถึงความตามหลังครั้งวันเก่า เมื่อวัยเยาว์ยิ่งทำให้ใจขื่นขม
สิ่งที่แม่มอบให้ล้วนชวนชื่นชม ลูกระทมทดแทนแม่แต่น้อยไป
แม่เคยหวีผมให้ก่อนไปส่ง เสื้อก็รีดจีบคงให้ตรงไว้
พาไปเรียนเขียนอ่านขับขานไป หน้าหนาวได้ใส่เสื้อหนาล้วนผ้านวม
ส่วนลูกหวีผมให้ใจจะขาด เสื้อสะอาดซื้อใหม่ให้แม่สวม
กลัวว่าแม่จะหนาวลมห่มผ้านวม น้ำตาท่วมท้นมาเป็นอาจิณ
แม่เหนื่อยมามากมายจนกายล้า ลูกสัญญาไม่ทำให้ต้องถวิล
จะไม่ร้องฟูมฟายให้ได้ยิน น้ำตารินรดมือแม่แค่เบาเบา
ถึงจะกลั้นเสียงร้องยังก้องอยู่ ด้วยรับรู้แม่จากไปใจลูกเฉา
ทุกสัมผัสจะห่างเหินเกินบรรเทา เหลือแต่เงาในรูปถ่ายไว้ให้ดู
วันที่ลูกนอนเปลไกวในผ้าอ้อม เสียงเพลงกล่อมที่แม่ร้องยังก้องหู
ปลาตะเพียนแขวนไว้ให้ลูกดู ลูกหลับอยู่กลัวยุงกัดยังพัดวี
แต่คืนนี้แม่ต้องนอนในเปลไม้ เสียงสวดมนต์กล่อมใจให้แม่นี้
พร้อมพวงหรีดแขวนไว้ด้วยไมตรี ของผู้ที่มาเคารพอย่าครบครัน
ขอพระพุทธนำท่านไปในธรรมะ ขอพรพระส่งท่านไปถึงสวรรค์
ขอพรเทพทุกพระองค์ทรงสุบรรณ รับแม่ฉันไว้สวมกอดตลอดไป
ครั้งที่ลูกเดินทางไกลยังไม่กลับ แม่ไม่หลับนับเวลามาตอนไหน
เตรียมข้าวปลารออยู่แม่รู้ใจ ลูกหลับได้แม่จึงกลับเข้าหลับนอน
แม่อย่าห่วงกังวลลูกคนนี้ ทุกวลีลูกจะจำที่พร่ำสอน
ขอให้แม่หลับตาแม้อาทร แล้วพักผ่อนนอนเถิดหนาอย่าจาบัลย์
ครั้งนี้แม่เดินทางไกลอยากไปส่ง ให้แม่ตรงขึ้นสู่สรวงสวรรค์
แต่ไม่นานลูกจะตามไปพบพาน กราบแทบเท้าของท่านบนดาวดึงส์

วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

รำวงมาตรฐานและเนื้อเพลง

เพลงงามแสงเดือน

คำร้อง จมื่นมานิตย์นเรศ (นายเฉลิม เศวตนันท์) หัวหน้ากองการสังคีต กรมศิลปากร

(ประพันธ์ในนามกรมศิลปากร)
ทำนอง อาจารย์มนตรี ตราโมท

งามแสงเดือนมาเยือนส่องหล้า งามใบหน้าเมื่ออยู่วงรำ (ซ้ำ)

เราเล่นเพื่อสนุก เปลื้องทุกข์วายระกำ
ขอให้เล่นฟ้อนรำ เพื่อสามัคคีเอย

ความหมาย ยามที่แสงจันทร์ส่องมายังโลกทำให้โลกนี้ดูสวยงาม ผู้คนที่มาเล่นรำวงยามที่แสงจันทร์ส่อง ก็มีความงดงามด้วย การรำวงนี้เพื่อให้มีความสนุกสนาน มีความสามัคคีกัน และละทิ้งความทุกข์ให้หมด

สิ้นไป

เพลงชาวไทย

คำร้อง จมื่นมานิตย์นเรศ (นายเฉลิม เศวตนันท์) หัวหน้ากองการสังคีต กรมศิลปากร

(ประพันธ์ในนามกรมศิลปากร)
ทำนอง อาจารย์มนตรี ตราโมท


ชาวไทยเจ้าเอ๋ย ขออย่าละเลยในการทำหน้าที่
การที่เราได้เล่นสนุก เปลื้องทุกข์สบายอย่างนี้
เพราะชาติเราได้เสรี มีเอกราชสมบูรณ์
เราจึงควรช่วยชูชาติ ให้เก่งกาจเจิดจำรูญ
เพื่อความสุขเพิ่มพูน ของชาวไทยเรา เอย

ความหมาย หน้าที่ที่ชาวไทยพึงมีต่อประเทศชาตินั้น เป็นสิ่งที่ทุกคนควรกระทำ อย่าได้ละเลยไปเสีย ในการที่เราได้มาเล่นรำวงกันอย่างสนุกสนาน ปราศจากทุกข์โศกทั้งปวงนี้ก็เพราะว่าประเทศไทยเรามีเอกราช ประชาชนมีเสรีในการคิดจะทำสิ่งใดๆ ดังนั้น เราจึงควรช่วยกันเชิดชูชาติไทยให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป เพื่อความสุขยิ่งๆ ขึ้นของไทยเราตลอดไป

เพลงรำซิมารำ

คำร้อง จมื่นมานิตย์นเรศ (นายเฉลิม เศวตนันท์) หัวหน้ากองการสังคีต กรมศิลปากร

(ประพันธ์ในนามกรมศิลปากร)
ทำนอง อาจารย์มนตรี ตราโมท


รำซิมารำ เริงระบำกันให้สนุก
ยามงานเราทำงานจริง ๆ ไม่ละไม่ทิ้งจะเกิดเข็ญขลุก
ถึงยามว่างเราจึงรำเล่น ตามเชิงเช่นเพื่อให้สร่างทุกข์
ตามเยี่ยงอย่างตามยุค เล่นสนุกอย่างวัฒนธรรม
เล่นอะไรให้มีระเบียบ ให้งามให้เรียบจึงจะคมขำ
มาซิมาเจ้าเอ๋ยมาฟ้อนรำ มาเล่นระบำของไทยเราเอย

ความหมาย ขอพวกเรามาเล่นรำวงกันให้สนุกสนานเถิดในยามว่างเช่นนี้จะได้คลายทุกข์ ถึงเวลางานเราก็จะทำงานกันจริงๆ เพื่อจะได้ไม่ลำบาก และการรำก็จะรำอย่างมีระเบียบแบบแผน ตามวัฒนธรรมไทยของเราแล้วจะดูงดงามยิ่ง

เพลงคืนเดือนหงาย

คำร้อง จมื่นมานิตย์นเรศ (นายเฉลิม เศวตนันท์) หัวหน้ากองการสังคีต กรมศิลปากร (ประพันธ์ในนามกรมศิลปากร)
ทำนอง อาจารย์มนตรี ตราโมท

ยามกลางคืนเดือนหงาย เย็นพระพายโบกพริ้วปลิวมา
เย็นอะไรก็ไม่เย็นจิต เท่าเย็นผูกมิตรไม่เบื่อระอา
เย็นร่มธงไทยปกไปทั่วหล้า เย็นยิ่งน้ำฟ้ามาประพรมเอย

ความหมาย เวลา กลางคืน เป็นคืนเดือนหงาย มีลมพัดมาเย็นสบายใจ แต่ก็ยังไม่สบายใจเท่ากับการที่ได้ผูกมิตรกับผู้อื่น และที่ร่มเย็นไปทั่ว ทุกแห่งยิ่งกว่าน้ำฝนที่โปรยลงมา ก็คือการที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่เป็นเอกราช มีธงชาติไทยเป็นเอกลักษณ์ ทำให้ร่มเย็นทั่วไป

เพลงดวงจันทร์วันเพ็ญ

คำร้อง ท่านผู้หญิงละเอียด พิบูลสงคราม
ทำนอง อาจารย์มนตรี ตราโมท

ดวงจันทร์วันเพ็ญ ลอยเด่นอยู่ในนภา
ทรงกลดสดสี รัศมีทอแสงงามตา
แสงจันทร์อร่าม ฉายงามส่องฟ้า
ไม่งามเท่าหน้า นวลน้องยองใย
งามเอยแสนงาม งามจริงยอดหญิงชาติไทย
งามวงพักตร์ยิ่งดวงจันทรา จริตกิริยานิ่มนวลละไม
วาจากังวาน อ่อนหวานจับใจ
รูปทรงสมส่วนยั่วยวนหทัย สมเป็นดอกไม้ขวัญใจชาติเอย

ความหมาย พระจันทร์เต็มดวงที่ลอยอยู่บนท้องฟ้านั้นช่างดูสวยงาม เพราะเป็นพระจันทร์ทรงกลด คือมีแสงเลื่อมกระจายออกรอบดวงจันทร์ทั้งดวง แต่ถึงจะงามอย่างไรก็ยังไม่เท่าความงามของดวงหน้าหญิงสาว ที่ดูผุดผ่องมีน้ำมีนวล อีกทั้งรูปร่างก็ดูสมส่วน กิริยาวาจาก็อ่อนหวานไพเราะ สมแล้วกับที่เปรียบว่าหญิงไทยนี้คือดอกไม้

เพลงดอกไม้ของชาติ

(สร้อย) ขวัญใจดอกไม้ของชาติ งามวิลาสนวยนาดร่ายรำ (ซ้ำ)
เอวองค์อ่อนงาม ตามแบบนาฎศิลป์
ชี้ชาติไทยเนาว์ถิ่น เจริญวัฒนธรรม
(
สร้อย)
งานทุกสิ่งสามารถ สร้างชาติช่วยชาย
ดำเนินตามนโยบาย สู้ทนเหนื่อยยากตรากตรำ

เพลงหญิงไทยใจงาม

คำร้อง ท่านผู้หญิงละเอียด พิบูลสงคราม
ทำนอง ครูเอื้อ สุนทรสนาน
เดือนพราว ดาวแวววาวระยับ
แสงดาวประดับ ส่องให้เดือนงามเด่น
ดวงหน้า โสภาเพียงเดือนเพ็ญ
คุณความดีที่เห็น เสริมให้เด่นเลิศงาม
ขวัญใจ หญิงไทยส่งศรีชาติ
รูปงามวิลาส ใจกล้ากาจเรืองนาม
เกียรติยศ ก้องปรากฎทั่วคาม
หญิงไทยใจงาม ยิ่งเดือนดาวพราวแพรว

ความหมาย ดวง จันทร์ที่ส่องแสงอยู่บนท้องฟ้ามีความงดงามมาก และยิ่งได้แสงอันระยิบระยับของดวงดาวด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ดวงจันทร์นั้นงามเด่นยิ่งขึ้น เปรียบเหมือนกับดวงหน้าของหญิงสาวที่มีความงดงามอยู่แล้ว ถ้ามีคุณความดีด้วย ก็จะทำให้หญิงนั้นงามเป็นเลิศ ผู้หญิงไทยนี้เป็นขวัญใจของชาติ เป็นที่เชิดหน้าชูตาของชาติ รูปร่างก็งดงาม จิตใจก็กล้าหาญ ดังที่มีชื่อเสียงปรากฏอยู่ทั่วไป

เพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้า

คำร้อง ท่านผู้หญิงละเอียด พิบูลสงคราม
ทำนอง ครูเอื้อ สุนทรสนาน

ดวงจันทร์ขวัญฟ้า ชื่นชีวาขวัญพี่
จันทร์ประจำราตรี แต่ขวัญพี่ประจำใจ
ที่เทิดทูนคือชาติ เอกราชอธิปไตย
ถนอมแนบสนิทใน คือขวัญใจพี่เอย

ความหมาย ในเวลาค่ำคืนท้องฟ้ามีดวงจันทร์ประจำอยู่ ในใจของชายก็มีหญิงอันเป็นสุดที่รักประจำอยู่เช่นกัน สิ่งที่เทิดทูนยกย่องไว้ก็คือชาติไทยที่เป็นเอกราช มีอิสระแก่ตนไม่ขึ้นกับใคร และสิ่งที่แนบสนิทอยู่ในใจของชายก็คือหญิงอันเป็นสุดที่รัก

เพลงยอดชายใจหาญ

คำร้อง ท่านผู้หญิงละเอียด พิบูลสงคราม
ทำนอง ครูเอื้อ สุนทรสนาน

โอ้ยอดชายใจหาญ ขอสมานไมตรี
น้องขอร่วมชีวี กอบกรณีย์กิจชาติ
แม้สุดยากลำเค็ญ ไม่ขอเว้นเดินตาม
น้องจักสู้พยายาม ทำเต็มความสามารถ


ความหมาย ขอผูกมิตรไมตรีกับชายผู้กล้าหาญ และจะขอมีส่วนในการทำประโยชน์ทำหน้าที่ของชาวไทย แม้จะลำบากยากแค้น ก็จะขอช่วยเหลือจนเต็มความสามารถ

เพลงบูชานักรบ

คำร้อง ท่านผู้หญิงละเอียด พิบูลสงคราม
ทำนอง ครูเอื้อ สุนทรสนาน

น้องรักรักบูชาพี่ ที่มั่นคงที่มั่นคงกล้าหาญ
เป็นนักสู้เชี่ยวชาญ สมศักดิ์ชาตินักรบ
น้องรักรักบูชาพี่ ที่มานะที่มานะอดทน
หนักแสนหนักพี่ผจญ เกียรติพี่ขจรจบ
น้องรักรักบูชาพี่ ที่ขยันที่ขยันกิจการ
บากบั่นสร้างหลักฐาน ทำทุกด้านทำทุกด้านครันครบ
น้องรักรักบูชาพี่ ที่รักชาติที่รักชาติยิ่งชีวิต
เลือดเนื้อพี่พลีอุทิศ ชาติยงอยู่ยงอยู่คู่พิภพ

ความหมาย น้อง รักและบูชาพี่ เพราะมีความกล้าหาญ เป็นนักสู้ที่เก่งกล้าสามารถสมกับเป็นชายชาตินักรบที่มีความมานะอดทน แม้ว่าจะยากเย็นแสนเข็ญ พี่ก็ต่อสู้จนชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่ว นอกจากนี้ยังขยันขันแข็งในงานทุก อย่าง อุตส่าห์สร้างหลักฐานให้มั่นคง และพี่ยังมีความรักในชาติบ้านเมืองยิ่งกว่าชีวิต ยอมสละได้แม้ชีวิตและเลือดเนื้อเพื่อให้ชาติไทยคงอยู่คู่โลกต่อไป